ก้าวเล็กๆของคนรุ่นใหม่จาก COLA KKU สู่ความยิ่งใหญ่ของประเทศไทย

ตามที่ วิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น มหาวิทยาลัยขอนแก่น COLA KKU ได้รับการคัดเลือกจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ดำเนินโครงการยุวชนอาสา เฟส 1 จำนวน 14 โครงการ ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งจะมีนักศึกษาเข้าร่วม จำนวนทั้งสิ้น 172 คน ที่ประกอบด้วย นักศึกษาจากหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น หลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการการคลัง และหลักสูตรเทคโนโลยีบัณฑิต สาขาวิชาการจัดการเมืองและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งทั้ง 3 หลักสูตร ล้วนมีลักษณะสหสาขาวิชา สามารถนำมาร่วมเรียนรู้ในการแก้ไขปัญหา และพัฒนาพื้นที่ โดยการเรียนรู้ร่วมกันกับท้องถิ่น (อันหมายถึง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชน ภาคเอกชน 21 บริษัทจากจังหวัดขอนแก่น) โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษาแต่ละโครงการร่วมเรียนรู้กับนักศึกษา และเชื่อมต่อกับพื้นที่อย่างใกล้ชิด) การดำเนินโครงการนี้ ถือเป็นการ transform การศึกษาที่เห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ทั้งในด้านของการปฏิรูปการศึกษา และการมุ่งพัฒนาทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ตามนโยบายของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.)  โดย ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมต.ว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม

โดยในวันที่13 มกราคม 2563 กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ได้จัดพิธีเปิดตัวแคมเปญ “ยุวชนสร้างชาติ” อย่างเป็นทางการ โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีพร้อมทั้งให้โอวาทแก่นักศึกษาที่เข้าร่วมในโครงการ โดยในส่วนของวิทยาลัยการปกครองท้องถิ่น โดยการนำของ รศ.ดร.ศุภวัฒนากร  วงศ์ธนวสุ คณบดีพร้อมด้วยผู้บริหาร คณาจารย์ ได้คัดเลือก น.ส.กุลนิษฐ์ จันทราภัย นักศึกษา ชั้นปีที่ 3 สาขาวิชาการปกครองท้องถิ่น เป็นผู้แทนนักศึกษาวิทยาลัยฯ ที่เข้าร่วมโครงการ ให้นำเสนอโครงการแบบปากเปล่า โดยเลือกโครงการการจัดการสิ่งแวดล้อมชุมชนโดยใช้ชุมชนเป็นฐาน (ขยะแก้จน) และมีการนำเสนอโดยการจัดบูธโครงการการบริหารจัดการน้ำ และเพิ่มมูลค่าของทรัพยากรชุมชน โดยการนำของ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลร่องคำ เจ้าของพื้นที่ร่วมเป็นผู้ให้ข้อมูล และเป็นเครือข่ายในการพัฒนาและร่วมปฎิรูปการศึกษากับวิทยาลัยฯ ที่มีการจัดการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ ที่เน้นชุมชนเป็นฐานการเรียนรู้และเชื่อมโยงกับการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ รวมทั้งพัฒนานวัตกรรมสำหรับชุมชนด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งระหว่างให้โอวาทว่า “…ขอให้ใช้พลังของคนหนุ่มสาวสร้างสรรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เรามียุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาประเทศ 6 ด้าน แต่สิ่งสำคัญคือการศึกษา ทุกคนต้องตื่นตัว ทุกคนต้องขับเคลื่อนสังคมของเรา บ้านของเรา ภูมิลำเนาของเราให้เดินไปข้างหน้าด้วยกัน สร้างทักษะสร้างแนวความคิดที่ถูกต้องและวิเคราะห์ดูว่าระบบการทำงานของรัฐบาล ข้าราชการทำอย่างไร เอกชนเป็นอย่างไร มีการบริหารจัดการอย่างไร ผมอยากให้เยาวชนของพวกเราทุกคนในประเทศไทย ได้เข้าร่วมในการเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาขับเคลื่อนประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติที่วางกันไว้…”

ด้าน นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) กล่าวว่า “…โครงการยุวชนอาสา ได้เริ่มดำเนินการโครงงานแล้ว ซึ่งจะใช้ระยะเวลา 1 ภาคการศึกษา โดยประเด็นการพัฒนา คลอบคลุม 4 ด้านได้แก่ 1.พัฒนาศักยภาพที่มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าเกษตรและอาหารปลอดภัย 2. ยกระดับคุณภาพและรายได้ด้านการท่องเที่ยว และส่งเสริมการค้า การลงทุน 3. เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 4.การพัฒนาทุนมนุษย์ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างสังคมที่มีความมั่นคงและสงบสุข ทั้งนี้โครงการดังกล่าวถือเป็นโอกาสอันดีที่เยาวชนไทยจะเข้ามาเป็นกลไกสำคัญในการนำความรู้ความสามารถที่เรียนมาช่วยแก้ปัญหาความยากจนและยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนให้เกิดขึ้นมาอย่างเป็นรูปธรรม โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาจังหวัด ภายใต้แนวคิด “มั่งคั่งด้วยเกษตรปลอดภัย ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” เราจะทำอย่างไรที่จะดึงเอาศักยภาพของคนหนุ่มสาวขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างขีดความสามารถของการแข่งขัน  พร้อมๆ กับการลดความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม โครงการเยาวชนสร้างชาตินี้ จึงได้เกิดขึ้นโดยการนำเอาพลังของนักศึกษา มาตอบโจทย์อย่างน้อย 2-3 เรื่องด้วยกัน เรื่องแรกคือการปลูกจิตสำนึกให้นักศึกษา สามารถทำประโยชน์ได้มากกว่าที่ตัวเองคิดสามารถที่จะเป็นผู้ให้มากกว่าที่จะเป็นผู้รับเพียงอย่างเดียว พร้อมกันนี้ยังเป็นเรื่องของการปฏิรูปการศึกษา มีการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่อยู่ในสภาพชีวิตความเป็นจริงและสามารถทำงานร่วมกันอย่างเป็นทีมเวิร์คกับชุมชนด้วย…”

จากนั้น ได้จัดให้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการดำเนินงานโครงการยุวชนอาสา ระหว่างสำนักปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ร่วมกับ 7 มหาวิทยาลัยภาครัฐ และภาคเอกชน โดยมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรี อว. และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม โดยในส่วนของมหาวิทยาลัยภาครัฐ หนึ่งในนั้น คือ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย ศ.ดร.ธิดารัตน์ บุญมาศ รองอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรมและวิสาหกิจ เป็นผู้แทนมหาวิทยาลัยขอนแก่น ในการลงนามความร่วมมือเพื่อแสดงเจตจำนงค์ในการร่วมขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศไทยสู่ศตวรรษที่ 21 ด้วยการใช้พลังเยาวชนไทย ที่จะเป็นกุญแจหลักในการขับเคลื่อนประเทศ พร้อมทั้งปฏิรูประบบการเรียนรู้สร้างประสบการณ์จริงนอกห้องเรียน เปิดโอกาสให้ยุวชนนำความรู้ นวัตกรรม และเทคโนโลยีไปพัฒนาพื้นที่ชุมชน พร้อมทั้งสนับสนุนและส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์และผู้ประกอบการยุคใหม่ด้วย

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว  COLA KKU

Scroll to Top